ในยุคที่การทำงาน “ไม่จำกัดสถานที่” อีกต่อไป
คนทำงานยุคใหม่สามารถเปิดโน้ตบุ๊กได้ทุกที่ — ทั้งที่บ้าน คาเฟ่ หรือแม้แต่ออฟฟิศ Co-working
แต่สิ่งที่หลายคนลืมคือ…
“สุขภาพหลังไม่ได้ Work from Anywhere ไปด้วย”
อาการปวดหลัง ปวดคอ และ Office Syndrome กำลังกลายเป็นโรคฮิตของคนทำงานยุค Hybrid เพราะเรามัก “นั่งผิดท่า” หรือ “ใช้เก้าอี้ไม่เหมาะกับสรีระ”
วันนี้ โมดิน่า (Modena) เลยอยากชวนมาดู คู่มือจัดโต๊ะทำงานแบบ Well-being ที่ช่วยให้คุณ Work from Anywhere ได้อย่างสบายหลัง และทำงานได้เต็มพลัง
1. เข้าใจก่อนว่า “เก้าอี้ดี” สำคัญกว่าที่คิด
หลายคนอาจมองข้าม “เก้าอี้” แล้วให้ความสำคัญกับโต๊ะมากกว่า
แต่รู้ไหมว่า… เก้าอี้คือจุดเริ่มต้นของท่านั่งทั้งหมด
งานวิจัยจาก Cornell University Ergonomics Department ระบุว่า
การนั่งในเก้าอี้ที่ไม่รองรับหลังส่วนล่าง ทำให้กล้ามเนื้อหลังและคอทำงานหนักขึ้น 30% และเสี่ยงต่ออาการปวดหลังเรื้อรัง
นั่นแปลว่า หากคุณทำงานวันละ 8 ชั่วโมง
เก้าอี้ที่ไม่ดี = หลังทำงานหนักกว่า 2 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่รู้ตัว
2. เลือกเก้าอี้ทำงานที่ “Fit” กับร่างกาย
จะ Work from Home หรือ Work from Anywhere ก็ต้องเลือกเก้าอี้ที่ “ปรับตามคุณ” ได้ ไม่ใช่คุณต้องปรับตามเก้าอี้
เก้าอี้ Ergonomic (เก้าอี้เพื่อสุขภาพ) จึงกลายเป็น Must-have สำหรับคนทำงานยุคใหม่ เพราะสามารถ
-
ปรับความสูง-ต่ำให้เหมาะกับโต๊ะ
-
เอนได้เพื่อพักหลังระหว่างวัน
-
มีพนักพิงที่รองรับแนวกระดูกสันหลัง (S-Curve Design)
-
ระบายอากาศได้ดี ไม่อับร้อนแม้นั่งนาน
นอกจากนี้ เก้าอี้ Ergonomic ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดแรงกดบริเวณต้นขา ทำให้ “นั่งนานแต่ไม่ล้า”
ลองดูตัวอย่างได้ที่
เก้าอี้ทำงาน
เก้าอี้ Ergonomic
3. จัดมุมทำงานให้สมดุลตามหลัก Ergonomic
การจัดโต๊ะทำงานที่ดีไม่ใช่แค่ “สวย” แต่ต้องช่วยให้ร่างกายไม่เครียดจากการนั่งนาน
นี่คือ Checklist สำหรับโต๊ะทำงานยุค Hybrid ที่คุณปรับใช้ได้ทุกที่
| องค์ประกอบ | วิธีจัดที่ถูกต้อง |
|---|---|
| ระดับจอ | ให้อยู่ระดับสายตา ไม่ก้มหรือเงยเกินไป |
| มุมข้อศอก | ทำมุมประมาณ 90 องศา เวลาวางมือบนคีย์บอร์ด |
| เท้า | วางเต็มฝ่าเท้า ไม่ลอยจากพื้น (ถ้าเก้าอี้สูง ใช้ที่พักเท้า) |
| หลัง | พิงเต็มพนักพิง ไม่งอตัวหรือโน้มไปข้างหน้า |
| พักสายตา | ทุก 20 นาที ให้มองออกไปไกล ๆ ประมาณ 20 ฟุต นาน 20 วินาที (20-20-20 Rule) |
Tip: ถ้าต้องทำงานนอกบ้าน ลองพก “หมอนรองหลังเล็ก ๆ” หรือ “แผ่นรองหลังแบบพกพา” ไปด้วย จะช่วยลดแรงกดและทำให้หลังตรงขึ้นมาก
4. Hybrid Office ต้อง “ขยับได้” มากกว่านั่งนิ่ง
ออฟฟิศยุค Hybrid ไม่ได้เน้นให้พนักงานนั่งโต๊ะตลอดวันอีกต่อไป
องค์กรยุคใหม่เริ่มออกแบบพื้นที่ให้ “ลุก ขยับ และเคลื่อนไหว” ได้ง่าย เช่น
-
โต๊ะยืน (Standing Desk) สำหรับเปลี่ยนท่านั่งระหว่างวัน
-
เก้าอี้ล้อเลื่อนที่ย้ายตำแหน่งได้สะดวก
-
โซนผ่อนคลายหรือมุมคาเฟ่เล็ก ๆ สำหรับรีเซ็ตสมอง
งานวิจัยจาก Harvard Business Review พบว่า
พนักงานที่ลุกขยับหรือเปลี่ยนท่าทางระหว่างวัน จะมีสมาธิและพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 12%
เพราะฉะนั้น โต๊ะและเก้าอี้ในออฟฟิศ Hybrid ไม่จำเป็นต้องใหญ่ แต่ต้อง “ยืดหยุ่น”
5. SME ที่ใส่ใจสุขภาพทีม คือองค์กรที่ไปได้ไกล
การลงทุนในอุปกรณ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพ ไม่ใช่ต้นทุนที่สูญเปล่า
แต่คือ “ต้นทุนทางประสิทธิภาพ” ที่จะคืนกลับมาในรูปแบบของ
-
ทีมที่ทำงานได้ยาวนานขึ้น
-
ลดวันลาป่วยจากอาการปวดหลัง
-
และที่สำคัญ — ทีมที่มีความสุขในการทำงาน
เพราะพนักงานที่รู้สึกดี = ผลงานที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
บทสรุป: ทำงานจากที่ไหนก็ได้ แต่ต้อง “ไม่ปวดหลัง”
Work from Anywhere ไม่ได้หมายความว่าทำงานได้ทุกที่เท่านั้น
แต่มันหมายถึง “ทำงานได้ทุกที่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี” ด้วย
เริ่มต้นง่าย ๆ แค่
-
จัดโต๊ะให้เหมาะกับสรีระ
-
ใช้เก้าอี้ที่ช่วยรองรับหลังอย่างเหมาะสม
-
และอย่าลืมลุกขยับทุก ๆ ชั่วโมง
เพราะ สุขภาพของคุณคือพลังของธุรกิจ
และเก้าอี้ที่ดี… คือจุดเริ่มต้นของทุกความสำเร็จในยุค Hybrid
อยากเปลี่ยนมุมทำงานให้ Fit และดีต่อสุขภาพ?
เริ่มได้จากตรงนี้เลย
️ เขียนโดย โมดิน่า
“เราดูแลหลังของคุณ เหมือนที่คุณดูแลงานของคุณ”

