ในทุกองค์กร “คน” คือต้นทุนที่สำคัญที่สุด เพราะพนักงานคือตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า ผู้บริหารและ HR หลายแห่งลงทุนกับค่าฝึกอบรม สวัสดิการ หรือกิจกรรมพัฒนาศักยภาพ แต่กลับมองข้าม สภาพแวดล้อมการทำงาน ที่พนักงานต้องเจอทุกวัน โดยเฉพาะสิ่งใกล้ตัวอย่าง เก้าอี้ทำงาน
หลายบริษัทเลือกซื้อเก้าอี้ราคาถูกเพื่อประหยัดงบ แต่แท้จริงแล้วนี่อาจเป็น “ต้นทุนที่สูงกว่า” แบบไม่รู้ตัว เพราะเก้าอี้ราคาถูกอาจกลายเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพ การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และค่าใช้จ่ายที่บานปลายในระยะยาว
บทความนี้ โมดิน่า จะพาคุณมาเจาะลึกถึง Hidden Cost ของเก้าอี้ราคาถูก และเหตุผลว่าทำไมการลงทุนใน เก้าอี้เพื่อสุขภาพ จึงคุ้มค่ากว่าสำหรับทั้งพนักงานและองค์กร
Hidden Cost ที่มาพร้อมเก้าอี้ราคาถูก
1. ค่าเสีย Productivity
คุณรู้ไหมว่า พนักงานส่วนใหญ่ใช้เวลา 6–8 ชั่วโมงต่อวันบนเก้าอี้ทำงาน?
ถ้าเก้าอี้ไม่ได้ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ นั่งไปไม่นานก็เกิดอาการปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดต้นคอ ทำให้สมาธิในการทำงานลดลง งานเสร็จช้ากว่าเดิม และที่สำคัญ Productivity ของทั้งทีมก็ได้รับผลกระทบ
มีงานวิจัยจาก Harvard Business Review ระบุว่า “ความไม่สบายกาย” จากสภาพแวดล้อมการทำงานเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ลดประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ถึง 20–30% เลยทีเดียว
2. ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
ออฟฟิศซินโดรม ไม่ได้เป็นแค่คำที่ได้ยินจนชินหู แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงกับพนักงานจำนวนมาก การนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่ได้ซัพพอร์ตหลังหรือเอว ทำให้กล้ามเนื้อทำงานผิดธรรมชาติ ก่อให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง
ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ ค่าใช้จ่ายที่องค์กรต้องจ่ายเพิ่ม เช่น
-
ค่ารักษาพยาบาล
-
ค่าลาป่วยบ่อยครั้ง
-
Productivity ที่หายไปในแต่ละวัน
เมื่อนำมาคิดรวมเป็นรายปี กลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่มองไม่เห็นในตอนแรก แต่กระทบโดยตรงกับผลประกอบการของบริษัท
3. ค่าใช้จ่ายแฝงจากเก้าอี้ที่พังเร็ว
เก้าอี้ราคาถูกมักใช้วัสดุคุณภาพต่ำ เช่น ฟองน้ำยุบง่าย โครงสร้างไม่แข็งแรง หรือโช๊คปรับระดับที่เสื่อมสภาพเร็ว ผลคือใช้งานได้ไม่นานก็ต้องซ่อมหรือซื้อใหม่
เมื่อรวมต้นทุนระยะยาว กลับกลายเป็น “ซื้อถูกแต่แพงกว่า” เพราะต้องเปลี่ยนบ่อย ต่างจากการลงทุนใน เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ที่ใช้งานได้นาน คุ้มค่ากว่าทั้งงบประมาณและเวลา
ทำไมเก้าอี้เพื่อสุขภาพถึงเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด?
เก้าอี้ทำงานทั่วไป vs เก้าอี้เพื่อสุขภาพ
-
เก้าอี้ทำงานทั่วไป: ราคาถูกกว่า แต่ไม่รองรับสรีระ ทำให้นั่งแล้วเมื่อย ปวดหลัง และมีอายุการใช้งานสั้น
-
เก้าอี้เพื่อสุขภาพ: ออกแบบตามหลัก Ergonomics รองรับหลัง เอว และคอ ปรับได้หลายส่วน ใช้นานไม่อึดอัด และมีความทนทาน
เมื่อเปรียบเทียบกันจริง ๆ การเลือกเก้าอี้เพื่อสุขภาพไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือ “การลงทุน” เพราะช่วยลดต้นทุนที่องค์กรอาจต้องจ่ายเพิ่มในอนาคต
Master Grey – เก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ออฟฟิศยุคใหม่
หนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะกับองค์กรที่อยากลงทุนอย่างคุ้มค่า คือ Master Grey จาก Modena เก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานจริงและการสร้างบรรยากาศออฟฟิศที่ทันสมัย
✨ จุดเด่นของ Master Grey
-
Lumbar Support รองรับหลังส่วนล่าง ลดอาการปวดเอว ปวดหลัง
-
Armrest ปรับได้ 6 ทิศทาง เข้ากับท่านั่งทุกสไตล์
-
Mesh Backrest + เบาะหนา 8 ซม. นั่งนานไม่อึดอัด ระบายอากาศได้ดี
-
ดีไซน์สวย เลือกได้ทั้งแบบมีหัว–ไม่มีหัว เหมาะกับทุกโซนในออฟฟิศ
-
รับประกัน 3 ปีเต็ม ลดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายซ่อมแซม
บทสรุป: ต้นทุนจริงของเก้าอี้ทำงาน
ต้นทุนที่สูงที่สุด ไม่ใช่แค่ ราคาซื้อเก้าอี้ แต่คือ ค่าใช้จ่ายที่องค์กรต้องเสียไปเพราะเก้าอี้ไม่มีคุณภาพ ตั้งแต่ Productivity ที่ลดลง ปัญหาสุขภาพพนักงาน ไปจนถึงค่าเปลี่ยนเก้าอี้บ่อย ๆ
ถ้าคุณเป็น HR หรือผู้บริหารที่อยากลงทุนกับสิ่งที่คุ้มค่าในระยะยาว การเลือกเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่มีมาตรฐาน คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
ลองมองหาเก้าอี้เพื่อสุขภาพคุณภาพสูง เช่น เก้าอี้ทำงาน หรือ เก้าอี้เพื่อสุขภาพ จาก Modena ที่จะช่วยลด Hidden Cost และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมได้จริง